การจัดรูปแบบตัวอักษร
การปรับคุณลักษณะของตัวอักษรและข้อความ
ในการสร้างเอกสารขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ป้อนข้อมูลต่าง ๆ ลงไป
เพื่อให้เอกสารมีความสวยงาม และสมบูรณ์มากขึ้น
ควรมีการกำหนดรูปแบบของเอกสารให้ตรงกับความต้องการในการนำไปใช้งาน
1. การกำหนดรูปแบบตัวอักษร
ก่อนการพิมพ์
1.1. คลิกเมาส์วางเคอร์เซอร์เพื่อเริ่มการพิมพ์
1.2
คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

1.3. เลือกรูปแบบตัวอักษรที่ต้องการ

1.4. เมื่อพิมพ์ข้อความขึ้นมา
รูปแบบตัวอักษรก็จะปรากฏเป็นไปตามที่กำหนด

2
การกำหนดรูปแบบตัวอักษร หลังการพิมพ์
2.1
คลิกเมาส์ซ้ายเลือกข้อความที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร
2.2
คลิกแท็บหน้าแรก (Home)
2.3
เลือกรูปแบบตัวอักษรที่ต้องการ

2.4
ข้อความจะถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรตามที่เลือก

3
การเพิ่มความหนาให้กับข้อความ
3.1
เลือกข้อความที่ต้องการเพิ่มความหนาให้กับตัวอักษร
3.2
คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)
3.3
คลิกปุ่มที่เป็นอักษร B (Bold)

4
การปรับเปลี่ยนข้อความให้เป็นตัวเอียง
4.1
เลือกข้อความที่ต้องการปรับรูปแบบให้เป็นตัวเอียง
4.2
คลิกแท็บหน้าแรก (Home)
4.3
คลิกปุ่มที่มีลักษณะเป็นตัวอักษรI (Italic)

5
การขีดเส้นใต้ให้ข้อความ
5.1
เลือกข้อความที่ต้องการขีดเส้นใต้
5.2
คลิกแท็บหน้าแรก (Home)
5.3
คลิกปุ่ม U (Underline)

6
การกำหนดปรับขนาดตัวอักษร
6.1
เลือกข้อความที่ต้องการปรับขนาดตัวอักษร

6.2
คลิกแท็บหน้าแรก (Home)
6.3
กดที่ลูกศรลงมา แล้วเลือกขนาดตามต้องการ

7
การปรับเปลี่ยนสีตัวอักษร
7.1
เลือกข้อความที่ต้องการกำหนดสีตัวอักษร
7.2
คลิกแท็บหน้าแรก (Home)
7.3
คลิกปุ่มอักษร A (Font Color) เลือกสีของตัวอักษรที่ต้องการ

8
การใส่สีเน้นข้อความ
8.1
เลือกข้อความที่ต้องการใส่สี

8.2 คลิกแท็บ
หน้าแรก (Home)
8.3 คลิกเลือกปุ่ม สีเน้นข้อความ (Text Highlight Color) แล้วเลือกสีที่ต้องการใช้เน้นข้อความ

การปรับคุณลักษณะของข้อความ
นอกจากจะสามารถกำหนดชนิดของรูปแบบตัวอักษรได้แล้ว
ยังสามารถกำหนดลักษณะพิเศษให้กับตัวอักษรได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
การเพิ่มความหนาให้กับข้อความ การเปลี่ยนข้อความให้เป็นตัวเอียง เป็นต้น
การเพิ่มความหนาให้กับข้อความ
1. เลือกข้อความที่ต้องการเพิ่มความหนาให้กับตัวอักษร
2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)
3. คลิกปุ่มที่เป็นอักษร B (Bold)
การปรับเปลี่ยนข้อความให้เป็นตัวเอียง
1. เลือกข้อความที่ต้องการปรับรูปแบบให้เป็นตัวเอียง
2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)
3. คลิกปุ่มที่มีลักษณะเป็นตัวอักษร I
(Italic)

การคัดลอกข้อความและคัดลอกรูปแบบข้อความ
เมื่อคุณตัดหรือคัดลอกข้อความแล้ววางลงในเอกสารของคุณ
คุณต้องการให้ข้อความมีลักษณะเหมือนกับต้นฉบับ
หรือคุณต้องการให้มีลักษณะเหมือนกับข้อความรอบๆ ในตำแหน่งใหม่หรือไม่ ในบางครั้ง
คุณอาจต้องการตัวเลือกหนึ่ง แต่ในสถานการณ์อื่น คุณอาจต้องการตัวเลือกอื่น
ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณแทรกคำอ้างอิงจากเว็บเพจลงในเอกสารของคุณ
คุณอาจต้องการให้คำอ้างอิงปรากฏเหมือนกับที่ปรากฏบนเว็บเพจ ในทางกลับกัน
ถ้าคุณคัดลอกข้อความจากหนึ่งในเอกสารของคุณเองไปยังเอกสารอื่น
คุณอาจต้องการให้ข้อความที่คัดลอกมีลักษณะเหมือนกับข้อความในเอกสารปลายทาง
ใน Word คุณสามารถเลือกหนึ่งในตัวเลือกเหล่านี้ในแต่ละครั้งที่คุณวางข้อความ
ถ้าคุณเพียงต้องการหนึ่งในตัวเลือก
คุณสามารถตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับข้อความที่วาง บทความนี้อธิบายวิธีการ
คุณต้องการทำอะไร
1. เปิดปุ่มตัวเลือกการวาง
2. รักษาลักษณะของข้อความต้นฉบับ
3. รักษาลักษณะของข้อความต้นฉบับเมื่อสไตล์แตกต่างกัน
4. เปลี่ยนการจัดรูปแบบเพื่อให้ตรงกับลักษณะของข้อความรอบๆ
5. วางรายการจากรายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยหรือลำดับเลข
6. ตั้งค่าค่าเริ่มต้น Word สำหรับการวางข้อความ
7. ตั้งค่าตัวเลือกสำหรับการตัดและวางแบบสมาร์ท
เปิดปุ่มตัวเลือกการวาง
ปุ่ม ตัวเลือกการวาง
จะเปิดอยู่ตามค่าเริ่มต้น ถ้าคุณไม่เห็นปุ่ม แสดงว่าปุ่มอาจถูกปิดใช้งาน
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเปิดใช้งาน
1. ใน Word 2010, 2013 หรือ 2016 ให้คลิก ไฟล์ > ตัวเลือก > ขั้นตอน
ใน Word 2007 ให้คลิก ปุ่ม Microsoft Office รูปปุ่ม แล้วคลิก ตัวเลือกของ Word > ขั้นสูง
2. ในส่วน ตัด
คัดลอก และวาง ให้เลือกกล่องกาเครื่องหมาย แสดงปุ่มตัวเลือกการวางเมื่อวางเนื้อหา
3. คลิก ตกลง
รักษาลักษณะของข้อความต้นฉบับ
ข้อความที่คุณย้ายหรือคัดลอกสามารถมีฟอนต์หรือการจัดรูปแบบอื่นๆ
เช่น ตัวหนาหรือตัวเอียง ที่แตกต่างจากเอกสารที่คุณวางข้อความ ตัวอย่างเช่น
คุณสามรถย้ายหรือคัดลอกข้อความที่เป็นตัวหนา ฟอนต์ Times
New Roman ขนาด 10 จุด แล้ววางไว้ถัดจากข้อความปกติ ฟอนต์ Calibri ขนาด 11 จุด ถ้าคุณต้องการให้ข้อความที่วางเป็น Times New
Roman แทนที่จะเป็น Calibri คุณสามารถรักษาลักษณะไว้ได้
1. เลือกข้อความที่คุณต้องการย้ายหรือคัดลอก
แล้วกด CTRL+X เพื่อย้ายข้อความ หรือกด CTRL+C เพื่อคัดลอกข้อความ
2. คลิกตำแหน่งที่คุณต้องการวางข้อความ
แล้วกด CTRL+V
3. คลิกปุ่ม
ตัวเลือกการวาง รูปปุ่ม
ที่ปรากฎขึ้นหลังจากที่คุณวางข้อความ
ถ้าคุณไม่เห็นปุ่ม ตัวเลือกการวาง
ให้กด CTRL+Z เพื่อทำการวาง
แล้วเปิดตัวเลือกสำหรับการแสดง สำหรับขั้นตอน ให้ไปที่ เปิดปุ่มตัวเลือกการวาง
4. คลิก
รักษาการจัดรูปแบบต้นฉบับ
การค้นหาและแทนที่
Word มีหลายตัวเลือกสำหรับการค้นหาเนื้อหาที่ระบุในเอกสารของคุณ
คุณสามารถค้นหาและแทนที่รายการ เช่น ข้อความ รูปภาพ คำอธิบายภาพ บุ๊กมาร์ก
หรือการจัดรูปแบบบางชนิด เช่น ย่อหน้าหรือตัวแบ่งหน้า คุณสามารถใช้คำสั่ง ไปที่
เพื่อไปเพื่อไปที่ตัวอย่างเนื้อหาเฉพาะในเอกสารของคุณ
และคุณยังสามารถขยายการค้นหาของคุณโดยใช้อักขระตัวแทน โค้ด
หรือนิพจน์ทั่วไปเพื่อค้นหาคำหรือประโยคที่มีอักขระหรือการผสมผสานอักขระเฉพาะ
การค้นหาขั้นสูง Advance Find
การสืบค้นขั้นสูง (Advance) คือ การสืบค้นที่เฉพาะเจาะจง
ซึ่งสามารถเลือกสืบค้นคำหลายคำจากหลายเขตข้อมูลได้
เทคนิคการสืบค้นขั้นสูง
1.เทคนิคการสืบค้นขั้นสูง
(Advanced Search) เป็นการสร้างประโยคคำค้นที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
แต่ทำให้เราได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น ซึ่งเทคนิคการสืบค้นขั้นสูงนี้
มีหลายชนิด ได้แก่
1.1 การสืบค้นโดยใช้เทคนิคตรรกบูลีน (Boolean Logic) เป็นเทคนิคในการสืบค้นสำหรับการปรับแต่งการสืบค้น โดยอาศัยตัวกระทำ 3 ตัว คือ and, or, not
– AND จะใช้ในกรณีที่ต้องการให้ปรากฎคำหลัก A และ B ในหน้าเว็บเพจเดียวกัน หมายถึง
การค้นหาคำหลักที่มีทั้ง A และ B
– OR ใช้ในกรณีที่ต้องการค้นหาคำหลัก A หรือ B โดยผลลัพธ์จากการค้นหาจะต้องปรากฎคำหลัก A หรือ B อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองคำ
– NOT ใช้ในกรณีที่ต้องการค้นหา A แต่ไม่ต้องการให้ B อยู่ในหน้าเว็บเพจ
1.2 เทคนิคการตัดคำ (Truncation) เป็นเทคนิคที่ช่วยในการสืบค้นให้ได้ข้อมูลที่กว้างขึ้น
ครอบคลุมมากขึ้น โดยการละข้อความบางส่วนของคำ และใช้สัญลักษณ์แทน อาจเป็นสัญลักษณ์ # หรือ ? หรือ *
การใช้เทคนิคการตัดคำนี้เนื่องจากการเขียนคำศัพท์ที่แตกต่างกัน
เช่น รูปเอกพจน์ รูปพหูพจน์ หรือรูปแบบการเขียนแบบภาษาอังกฤษหรืออเมริกัน เป็นต้น
ซึ่งเราสามารถตัดคำได้ทั้งการตัดท้ายคำ หรือตัดหน้าคำก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น
Colo# ระบบจะทำการสืบค้นให้ทั้งคำที่เขียนว่า color และ colour
Librar# ระบบจะทำการสืบค้นให้ทั้งคำที่เขียนว่า Library,
Libraries และ Librarian
1.3 เทคนิคการจำกัดคำค้น (Limit search) เทคนิคการจำกัดการค้นให้แคบลงโดยกำหนดเขตข้อมูลที่ต้องการสืบค้นร่วมกับคำค้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและความสามารถของระบบที่สืบค้น เช่น
การกำหนดให้ระบุปีพิมพ์ของข้อมูลที่ต้องการค้น หรือการกำหนดภาษาของเอกสาร
การจัดระยะห่างระหว่างบรรทัด
เมื่อต้องการเปลี่ยนระยะห่างระหว่างบรรทัดเป็นแบบระยะห่างหนึ่งช่อง
ระยะห่างสองช่อง หรือจำนวนอื่นๆ ให้ใช้ปุ่ม ระยะห่างบรรทัด บนแท็บ หน้าแรก ดังนี้
1. เลือกย่อหน้าที่คุณต้องการเปลี่ยน
หรือกด Ctrl+A เพื่อเลือกทั้งหมด
2. บนแท็บ หน้าแรก ให้คลิกที่ปุ่ม
ระยะห่างบรรทัด ดังนี้

3. เลือกจำนวนของระยะห่างระหว่างบรรทัดที่คุณต้องการ
หรือคลิก ตัวเลือกระยะห่างบรรทัด ที่ด้านล่างของเมนู
แล้วเลือกตัวเลือกที่คุณต้องการในกล่องโต้ตอบ ย่อหน้า ภายใต้ ระยะห่าง ดังนี้

เคล็ดลับ:
ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนระยะห่างก่อนหรือหลังย่อหน้าที่เลือก ให้คลิกลูกศรในกล่อง
ก่อน หรือ หลัง หรือพิมพ์ตัวเลขโดยตรง